การชุมนุมใหญ่ต่อต้านนโยบายกฎหมายการอพยพใกล้โรงแรมทรัมป์ในลาสเวกัส
ในวันที่ 29 มกราคม ชาวลาสเวกัสได้ตะลอนตะลอนนอกโรงแรมทรัมป์อินเตอร์เนชันแนล เพื่อประท้วงต่อนโยบายการอพยพใหม่ของประธานาธิบดี ดอนัลด์ทรัมป์ ใกล้ 200 คนร่วมชุมนุมเพื่อแสดงความโกรธต่อสิ่งที่รัฐบาลต้องการทำ เช่นการส่งอพยพผู้มาหาญและหยุดให้อาณาสมัครเกิดในสหรัฐ
ความกลัวเรื่องการอพยพกระตุกชุมนุมใกล้โรงแรมทรัมป์ในลาสเวกัส
ชุมนุมได้เริ่มขึ้นใกล้โรงคาสิโนเบลลาจิโอ เหล่าคนได้รวมตัวที่นั่นแล้วเดินไปยังโรงแรมทรัมป์ พวกเขาถือป้ายที่ระบุว่า “การศึกษากว่าการอพยพ” และร้องเพลง “วีว่าเม็กซิโก” และ “วีว่าลา ราซา” มีผู้ที่กังวลเกี่ยวกับวิธีการของทรัมป์ที่จะมีผลต่อผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารและครอบครัวของพวกเขา
ในหมู่ชุมนุมมีนักศึกษาจาก UNLV คือ ดับรียา เอดซา เธอเน้นถึงความสำคัญของการเพิ่มความตระหนักและต่อต้านการพยายามในการทำให้ผู้อพยพเป็นอาชญากร ตามรายงานจาก Las Vegas Review-Journal เธอร่วมชุมนุมกับนักเรียนมัธยมชื่อ แคเรน พินา และ ยาเรลิ นูนยอซ เขากล่าวว่าโพสต์โซเชียลมีเดีย ซึ่งใครบางคนลบออกภายหลัง แจ้งข่าวโต้แลงเกี่ยวกับเหตุการณ์
บางคนในชุมนุมรู้สึกว่าต้องทำอย่างไรหลังจากทรัมป์ได้เซ็นรายการปรับปรุงความปลอดภัยยามเข้าเขต ส่วนการอพยพรวดเร็ว และพยายามหยุดตั้งสิทธิสมรส เจ้าพนักงานศาลในขณะนี้ยกเลิกสิ่งที่เหลืออยู่ แต่นโยบายเหล่านี้กลัวในชุมชนของผู้อพยพ ผู้ชุมนุม อัลเบิร์ต ลูเซโร ชี้ออกถึงความกลัวที่ครอบครัวที่มีสมาชิกที่ไม่มีเอกสารต้องเผากันว่าพวกเขาอาจถูกแยกกัน
ชุมนุมต่อต้านนโยบายต่างๆเกี่ยวกับกฎหมายการอพยพยังคงสงบอย่างต่อเนื่อง
ชุมนุมยังคงสงบแม้ว่าบางคนในชุมนุมจะตะโกนต่อผู้คนที่ออกจากโรงแรมทรัมป์ระหว่างช่วงเวลาที่ตึงแตก ตำรวจเฝ้าดูพื้นที่เพื่อรักษาความปลอดภัยของทุกคน
ทรัมป์และรองประธาน J.D. แวนซ์ ระบุว่านโยบายเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติตามกฎหมายการอพยพ อย่างไรก็ตาม ผู้วิจารณ์คิดว่านโยบายเหล่านี้สร้างความแตกแยกมากขึ้น และทำให้กลุ่มบางกลุ่มต้องเผด็จการ บางคนในชุมนุมสัญญาว่าจะต่อสู้กับนโยบายที่พวกเขาเห็นว่าไม่เป็นธรรมพร้อมกล่าวว่าพวกเขาจะไม่เงียบเฉย
องค์กรของทรัมป์ไม่ได้ตอบกลับเมื่อถามเกี่ยวกับชุมนุมนี้ งานนี้เพียงหนึ่งในหลายชุมนุมที่เกิดขึ้นทั่วประเทศนี้ คนที่ใส่ใจในเรื่องนี้กำลังประท้วงเพื่อต่อต้านวิธีการของรัฐบาลในการจัดการกับเรื่องการอพยพ ในข่าวอื่นๆ ดอนัลด์ทรัมป์ได้เยี่ยมเมืองเนวาด้าในการเดินทางครั้งแรกตั้งแต่เริ่มมอบราชการรอบที่สอง
การเยี่ยมเมืองนี้เป็นเพื่อขอบคุณผู้สนับสนุนที่ช่วยเขาชนะการเลือกตั้งปี 2024 ก่อนเนวาด้า เขาได้หยุดอีกที่เหนี่ยวดูทรัมป์ที่เซื่อไฟประเทศส่งชาติไปที่ 50% ขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004 เขาได้รับความช่วยเหลือจากคนทั่วๆไปและผู้สนับสนุนที่ใหญ่ เช่น ดร. มิเรียม อาดล์สัน คนให้ 100 ล้านเพื่อทำให้การเลือกตั้งของเขาเจริญงาน
ความรุนแรงของการชุมนุม
การชุมนุมใหญ่ในลาสเวกัสต่อต้านนโยบายการอพยพของประธานาธิบดี ดอนัลด์ทรัมป์เป็นเหตุการณ์ที่ดึงดูดความสนใจจากสื่อและสังคมอย่างมากในช่วงเวลาที่วิกฤติเศรษฐกิจรุนแรง นอกจากนี้ การชุมนุมยังเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ความเร่งด่วนในการทำสิ่งที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อสังคมเป็นจุดประสงค์หลักของการชุมนุมนี้ กลุ่มผู้ร่วมชุมนุมต้องการให้รัฐบาลพิจารณานโยบายการอพยพใหม่อย่างรอบคอบและมีเหตุผล เพื่อให้ผู้อพยพมีโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างยั่งยืน
การต่อต้านนโยบาย
นอกจากนี้ การชุมนุมยังเป็นการแสดงออกของประชาชนที่ต่อต้านนโยบายที่พวกเขาไม่เห็นด้วย การสื่อสารและการเปิดเผยข้อเสนอแนะเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลให้พิจารณาและปรับปรุงนโยบายอย่างสม่ำเสมอ
ในที่สุด การชุมนุมเป็นการแสดงออกของความเชื่อและความพอใจของประชาชนที่มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายของประเทศ การมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินสำคัญของประเทศเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าพวกเขามีอิทธิพลและสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ตามที่ต้องการ
ในสังคมปัจจุบันการชุมนุมเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการแสดงออกทัศนคติของประชาชนและสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมที่ดีขึ้นในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ